เจ้าชายเฮนริกแห่งเดนมาร์ก พระราชสวามี
เจ้าชายเฮนริก | |||||
---|---|---|---|---|---|
เจ้าชายพระราชสวามี | |||||
พระฉายาลักษณ์ใน ค.ศ. 2010 | |||||
พระราชสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถแห่งเดนมาร์ก | |||||
ดำรงพระยศ | 14 มกราคม ค.ศ. 1972 - 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 (46 ปี 30 วัน) | ||||
ก่อนหน้า | อิงกริด (พระราชินี) | ||||
ถัดไป | เเมรี (พระราชินี) | ||||
ประสูติ | 11 มิถุนายน ค.ศ. 1934 ตาลงส์ แคว้นกีรงด์ ประเทศฝรั่งเศส | ||||
สิ้นพระชนม์ | 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 โคเปนเฮเกน เดนมาร์ก | (83 ปี)||||
ฝังพระศพ | 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 พระราชวังเฟรเดรบอร์ก | ||||
คู่อภิเษก | มาร์เกรเธอที่ 2 | ||||
| |||||
พระบุตร | |||||
ราชวงศ์ | |||||
พระบิดา | เคานต์อังเดร เดอ ลาบอร์ด เดอ มงเปอซา | ||||
พระมารดา | เรอเน ดูร์เซโน | ||||
ศาสนา |
|
เจ้าชายเฮนริกแห่งเดนมาร์ก พระราชสวามี[1] (พระนามเต็ม: อ็องรี มารี ฌ็อง อ็องดร์ เดอ ลาบอร์ด เดอ มงเปอซา; 11 มิถุนายน ค.ศ. 1934 — 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018) พระองค์ประสูติที่เมืองตาลงซ์ แคว้นกีรงด์ ประเทศฝรั่งเศส เป็นบุตรในเคาต์ อังเดร เดอ ลาบอร์ด เดอ มงเปอซา และ เรอเน ดูร์เซโน อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงมาร์เกรเธอแห่งเดนมาร์ก เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ. 1967 ในขณะที่มีพระอิสริยยศเป็นเจ้าหญิงผู้เป็นทายาทโดยสันนิษฐานแห่งราชบัลลังก์เดนมาร์ก
ต้นพระชนม์ชีพ
[แก้]เจ้าชายเฮนริกประสูติที่เมืองตาลงซ์ แคว้นกีรงด์ ประเทศฝรั่งเศส เป็นโอรสในเคาต์อังเดร เดอ ลาบอร์ด เดอ มงเปอซา กับ เรอเน ดูร์เซโน พระองค์ทรงเข้ารีตคริสตจักรโรมันคาทอลิก
พระองค์ทรงใช้ชีวิตช่วงต้น 5 ปีในอินโดจีนของฝรั่งเศสซึ่งขณะนี้คือประเทศเวียดนามที่ซึ่งพระบิดาของพระองค์ถูกกล่าวหาเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางธุรกิจ ทรงกลับมายังฮานอยใน ค.ศ. 1950 ทรงศึกษาที่นั่นที่โรงเรียนมัธยมศึกษาของฝรั่งเศสใน ค.ศ. 1952 ในระหว่าง ค.ศ. 1952 ถึง 1957 พระองค์ทรงศึกษาด้านกฎหมายและรัฐศาสตร์พร้อมกันที่มหาวิทยาลัยปารีสในปารีสและศึกษาภาษาจีนและเวียดนามที่ แองสติตู นาซิองนาล เด ล้องก์ เอ ซิวิซาซิอง ออคเคียงตาล (Institut national des langues et civilisations orientales) พระองค์ยังทรงศึกษาที่ฮ่องกงในค.ศ. 1957 และไซ่ง่อนใน ค.ศ. 1958
หลังจากทรงเข้าร่วมกองทัพฝรั่งเศส ในสงครามแอลจีเรียระหว่างปี ค.ศ. 1959 ถึง 1962 ใน ค.ศ. 1962 ทรงเข้าร่วมกระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศสและทรงเป็นเลขาธิการทูตในกรุงลอนดอนตั้งแต่ ค.ศ. 1963 ถึง 1967 พระองค์ยังเป็นพระสหายสนิทของ เฟรเดอริก วิลเลิม เดอ แกลร์ก
อภิเษกสมรส
[แก้]ในวันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ. 1967 พระองค์อภิเษกสมรสกับเจ้าฟ้าหญิงมาร์เกรเธอ มกุฎราชกุมารีแห่งเดนมาร์ก รัชทายาทโดยสันนิษฐานแห่งราชบัลลังก์เดนมาร์ก ที่โบสถ์แห่งโคเปนเฮเกน พระนามของพระองค์จึงต้องเปลี่ยนเป็นภาษาเดนมาร์กคือ เฮนริก
ความสนพระทัย
[แก้]เช่นเดียวกับพระชายา พระองค์ทรงสนพระทัยด้านศิลปะและวัฒนธรรมอย่างมาก ทรงเป็นคนที่รักตัวเลขไม้และหยก ทรงสร้างคอลเลกชันที่ทรงแสดงในปี ค.ศ. 2017 ในพิพิธภัณฑ์คอดิงฮูลด์ แต่ถึงอย่านั้นพระองค์ไม่ประสบความสำเร็จในการเล่นเปียโน ในปี ค.ศ. 2013 ทรงร่วมกับวงดนตรีป๊อปไมเคิล เรเนส โดยทรงบันถึงบันทึกเพลง "Echo" และบทเพลงนี้พระองค์ได้มีพระราชประสงค์ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
พระองค์ทรงเขียนบทกวีหลายภาษาพื้นเมืองของพระองค์เป็นภาษา (ฝรั่งเศส) บางส่วนที่ได้รับการเผยแพร่ในคอลเลกชัน เชอร์มิน เฟสตัน (1982), Cantabile (2000), Les escargots de Marie Lanceline (2003), Murmures de vent (2005), Frihjul ( Roue-Libre , 2010), Fabula (2011), La part des Anges (2013) และDans mes nuits sereines (2014) The Symphonic Suite Cantabileโดย เฟรเดอริก ไมเกล พระราชนิพนธ์ของพระองค์ได้รับรางวัลจาก เดนิส นอชัน ซิมโพนี ออร์เคสตรา ในคอนเสิร์ตทั้ง 2 ครั้ง ในโอกาสเฉลิมพระชนมายุ 70 พรรษา และ 75 พรรษา ของ พระองค์ ในปี ค.ศ. 2004 และ ค.ศ. 2009 พระองค์ทรงแปลบทพระราชนิพนธ์ (แปลจากภาษาเดนมาร์ก ) ว่า "ฉันเขียนบทกวี มีทั้งข้อเสียและข้อดี แสดงความจริงด้วยข่าวและความบันเทิงที่ทำให้เรามีเหตุผลและความกระวนกระวาย บทกวีของเรานั้นจะพยายามเข้าใกล้ธรรมชาติที่แท้จริงของโลก ในบทกวีที่เราสามารถเข้าถึงคำถามนิรันดร์เช่นความรักความเหงาและความตาย "
พระองค์ทรงเป็นพ่อครัวที่ยอดเยี่ยมซึ่งได้แรงบันดาลใจจากประเพณีการทำอาหารฝรั่งเศส ทรงมักจะวางแผน ทรงปรุงอาหารของครอบครัว มักจะมีพ่อครัวหลวงช่วยเสมอ รวมถึงเครื่องเทศของพระองค์นั้นส่วนหนึ่งมาจากการอุดหนุนจากสถานรับเลี้ยงเด็กในเอเชีย นอกเหนือจากตำราของเขาพระองค์นั้น พระองค์มักจะทรงพระราชทานพระราชานุญาตให้สำนักข่าวได้เข้าไปถ่ายทำรายการอาหาร ซึ่งพระองค์ทรงปรุงเองและทำเอง ณ พระราชวังเฟรเดนส์โบร์ก
โดยพระราชวงศ์หลายพระองค์ ได้ออกมาให้ความคิดเห็นเรื่องนี้ ใน ค.ศ. 2009 ดังนี้
เรื่องการทำอาหารในครอบครัว ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขา เขาทำอาหารอร่อยและถูกปาก ทุกคนในครอบครัวชอบมาก เฟรเดอริก แมรี โจอาคิม มารี และลูกของพวกเขา หลานของเรา ชอบการทำอาหารของเฮนริกมาก เขาทำอร้อยยิ่งกว่าพ่อครัวในวัง
ฉันว่าการทำอาหารเป็นอะไรที่สนุกและสุขสันต์ เป็นเวลาของครอบครัว ประชาชนชาวเดนมาร์กส่วนใหญ่ก็ใช้เวลาในการทำอาหารเป็นเวลาในครอบครับ ฉันเองก็ไม่ต่างกัน
— เจ้าชายเฮนริกแห่งเดนมาร์ก พระราชสวามี
พระราชสวามีแห่งเดนมาร์ก
ตอนฉันกับน้องชายเด็ก ๆ เสด็จพ่อมีกทำแซนวิซให้ไปทานที่โรงเรียน พวกเราชอบมาก ท่านเก่งและทำอาหารอร่อย
— เจ้าชายเฟรเดอริก มกุฎราชกุมารแห่งเดนมาร์ก
พระราชโอรสพระองค์ใหญ่
ทุกวันอาทิตย์ เราทั้งครอบครัว (มารี นิโคไล เฟลิกซ์) ชอบมาทานข้าวที่วังใหญ่ มีครอบครัวของเสด็จพี่ (เจ้าชายเฟรเดอริก มกุฎราชกุมารแห่งเดนมาร์ก) อยู่ด้วย มันทำให้อบอุ่นมาก เราชอบเวลาแบบนั้น
— เจ้าชายโจอาคิมแห่งเดนมาร์ก
พระราชโอรสพระองค์เล็ก
หรือแม้แต่ ลาร์ส เลิกเกอ รัสมุสเซิน นายกรัฐมนตรีของเดนมาร์ก ก็เคยได้รับพระราชทานจากเจ้าชายเฮนริก พระราขสวามี
วันนั้นฝนตกหนัก ข้าพเจ้าได้ออกมาทำธุระนอกสถานที่ ข้าพเจ้าหิวมาก แล้วเพื่อนที่มาด้วยกับข้าพเจ้าได้บอกว่า เจ้าชายเฮนริก พระราขสวามี พระราชทานอาหารแก่ข้าพเจ้าให้ลองชิม ข้าพเจ้าลองชิมแล้วมันอร่อยมาก พระองค์ทรงทำอาหารได้อร่ยๆพอๆกับพ่อครัวในโรงแรมหรู เป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อข้าพเจ้ายิ่งนัก
— ลาร์ส เลิกเกอ รัสมุสเซิน
นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก
เจ้าชายพระราชสวามีแห่งเดนมาร์ก
[แก้]เมื่อทรงได้พระอิสริยยศเป็นเจ้าชายเฮนริกแห่งเดนมาร์ก ซึ่งก่อนการอภิเษกสมรสพระองค์ทรงเปลี่ยนไปนับถือนิกายโปรเตสแตนต์จากการอนุญาตของสันตะสำนัก ต่อมาในปี ค.ศ 1972 สมเด็จพระเจ้าเฟรเดอริกที่ 9 แห่งเดนมาร์ก พระสัสสุระของพระองค์ เสด็จสวรรคต พระมเหสีจึงเสด็จครองราชย์เป็น สมเด็จพระราชินีนาถแห่งเดนมาร์ก พระองค์จึงได้รับการสถาปนาที่ เจ้าชายเฮนริกแห่งเดนมาร์ก พระราชสวามี
พระราชโอรส
[แก้]สมเด็จพระราชินีนาถและเจ้าชายมีพระราชโอรส 2 พระองค์ดังนี้
ภาษาของเจ้าชายเฮนริกคือภาษาฝรั่งเศส ทำให้พระองค์ต้องเรียนรู้ภาษาเดนมาร์กหลังการอภิเษกสมรส แต่พระองค์สามารถพูดภาษาจีน เวียดนาม อังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว
ในปี ค.ศ. 2006 นิตยสารของเดนมาร์กชื่อ Ud&Se ได้ลงบทสัมภาษณ์ของเจ้าชายเฮนริก ที่ซึ่งทรงเล่าเกี่ยวกับสุนัขทรงเลี้ยง อาหาร พระชนม์ชีพวัยเยาว์ในเวียดนามและเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย บางครั้งพระองค์ทรงกล่าวถึงการเคยเสวยเนื้อสุนัขที่นั่น ทำให้หนังสือพิมพ์ต่าง ๆ พาดหัวข่าวไว้ว่า "เจ้าชายเฮนริกเสวยสุนัข" และทำให้การบริโภคเนื้อสุนัขเป็นที่นิยม[ต้องการอ้างอิง]
พระกรณียกิจ
[แก้]- ค.ศ. 1979 - เสด็จเยือนประเทศเนเธอร์แลนด์ ทรงเข้าเฝ้าเจ้าหญิงรัชทายาทเบียทริกซ์ และยังทรงพบเจ้าชายวิลเลิม-อเล็กซานเดอร์ อีกทั้งยังประทานพระวโรกาสให้เจ้าชายคอนสตันตินแห่งเนเธอร์แลนด์ เจ้าชายฟริโซแห่งออเรนจ์-นัสเซา เจ้าหญิงมาร์ครีตแห่งเนเธอร์แลนด์ เฝ้า ณ พระราชวังหลวงเฮก ในการนี้เจ้าหญิงคริสตีนาแห่งเนเธอร์แลนด์ ทรงนำเจ้าชายเฮนริก พระราชสวามีแห่งเดนมาร์ก เยือนสถานที่สำคัญของประเทศ และในเย็นวันนั้น ทรงมีการเลี้ยงพระกระยาหารค่ำเป็นการส่วนพระองค์ระหว่างเจ้าชายพระราชสวามีแห่งเดนมาร์ก และพระบรมวงศานุวงศ์ของเนเธอร์แลนด์
- ค.ศ. 1989 - เสด็จเยือนสหราชอาณาจักร สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร เสด็จพระราชดำเนินทรงรับเจ้าชายเฮนริกถึงสนามบินลอนดอน และประทับรถยนต์พระที่นั้งถึง พระราชวังบักกิงแฮม โดยมี เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ เฝ้ารับเสด็จ และ เจ้าชายชาลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ เจ้าชายวิลเลียมแห่งเวลส์ เจ้าชายแฮร์รีแห่งเวลส์ เจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก ซาราห์ ดัชเชสแห่งยอร์ก เจ้าหญิงแอนน์ พระราชกุมารี เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ดยุกแห่งเคนต์ แคทเธอรีน ดัชเชสแห่งเคนต์ และพระบรมวงศานุวงศ์แห่งราชวงศ์อังกฤษ เฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จ จากนั้น เจ้าชายริชาร์ด ดยุกแห่งกลอสเตอร์ และ บริจิตต์ ดัชเชสแห่งกลอสเตอร์ ทรงเยี่ยมชมความงามในพระราชวัง โดยพระองค์ทรงมีความสนิทสนมกับดัชเชสแห่งกลอสเตอร์มาก เนื่องด้วยดัชเชสเป็นคนเดนมาร์ก
- ค.ศ. 1993 - เสด็จเยือน เคนยา โมร็อกโก ซึ่งเป็นการเสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ในการแปรพระราชฐาน เจ้าชายเฮนริก พระราชสวามี ทรงประทับในเคนยาเพียง 16 ชั่วโมง เนื่องจากพระอาการป่วยทรงดำเริบ ทางข้าราชบริพารจึงกราบบังคบทูลให้เสด็จเยือนโมร็อกโกทันที เนื่องจากนวัตกรรมทางการแพทย์เจริญแล้วในแถวแอฟริกา เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงแล้ว ความทราบถึงฝ่าละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระราขินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 ทรงมีพระราชดำรัสด้วยความห่วงใยในพระราสวามี ทรงมีพระราชดำรัสให้เจ้าชายเฮนริก พระราชสวามีเสด็จกลับเดนมาร์กในวันรุ่งขึ้น เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงเดนมาร์กแล้ว พระบรมวงศานุวงศ์เดนมาร์กเสด็จพระราชดำเนิน/เสด็จไปทรงเยี่ยมพระอาการเจ้าชายพระราชสวามีทันที ซึ่ง เจ้าชายเฟรเดอริก มกุฎราชกุมารแห่งเดนมาร์ก ปฏิบัติพระราชกรณียกิจในออสเตรเลีย ก็ได้เสด็จกลับอย่างกระทันหันทันที ในขณะที่ เจ้าชายโจอาคิมแห่งเดนมาร์กกำลังปฏิบัติพระกรณียากิจในนอร์เวย์ ก็เสด็จกลับทันทีเช่นกัน
- ค.ศ. 1999 - เสด็จเยือนประเทศไทย เป็นการส่วนพระองค์ โดยทอดพระเนตรอุทยานแห่งชาติห้วยขาแข้ง โดยทรงมีพระราชดำรัสชมอุทยานแห่งนี้ว่า นี่มันสวยงามจริง ๆ สวยจนมิน่าเชื่อเลย
- ค.ศ. 2006 - สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก ให้เสด็จแทนพระองค์มายังราชอาณาจักรไทย เพื่อเข้าร่วมพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
- ค.ศ. 2013 - เจ้าชายเฮนริกเสด็จพระราชดำเนินเยือนฝรั่งเศส ซึ่งเป็นสถานที่ประสูติของพระองค์ ทรงเยือนอีกครั้งเป็นเวลา 2 เดือน พระราชโอรส พระราชนัดดา พระสุณิสา เสด็จมาเยี่ยมเป็นครั้งคราว ในขณะที่สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 พระชายานั้น เสด็จพระราชดำเนินมาประทับกับพระองค์ถึง 2 สัปดาห์
- ค.ศ. 2014
- เสด็จเยือนอุรุกวัย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของสมาชิกพระราชวงศ์เดนมาร์กที่เสด็จเยือนอุรุกวัย ทรงทอดพระเนตรการดำเนินงานคืนช้างสู่ป่า ซึ่งเป็นโครงการเดียวกับที่ประเทศไทย ทรงพระราชทานชื่อช้างเชือกหนึ่ง นามว่า เบทอล โดยทรงให้เหตุผลว่า เป็นชื่อของพระสหายสนิทท่านหนึ่งในโรงเรียนประถม จากนั้นทอดพระเนตรการแสดงของชนพื้นเมืองที่ทำการแสดงถวาย หลังจากนั้น เสด็จทอดพระเนตรนิทรรศกาลของอุรุกวัย และเสด็จพระราชดำเนินกลับในอีก 3 วัน ถัดมา
- เสด็จเยือนราชรัฐลิกเตนสไตน์ ตามคำกราบทูลเชิญของ เจ้าชายฮันส์-อาดัมที่ 2 แห่งลิกเตนสไตน์ โดยมี เจ้าชายอาโลอิส รัชทายาทแห่งลิกเตนสไตน์ และ เจ้าหญิงโซฟี เจ้าหญิงรัชทายาทแห่งลิกเตนสไตน์ เฝ้ารับเสด็จ โดยมีพระราชวงศ์ลิกเตนสไตน์ โดยทรงหารือในเรื่องไวน์ เนื่องจากลิกเตนสไตน์ประกอบกิจการส่งออกไวน์เป็นหลัก ทางเจ้าชายพระประมุขแห่งลิกเตนสไตน์ และรัฐบาลต่างอยากขอความรู้จากเจ้าชายเฮนริก พระราชสวามี เนื่องจากพระองค์เองก็ทรงทำไวน์เสวยเองในเดนมาร์กและยังส่งออกอีกด้วย
พระกรณียกิจในต่างประเทศของพระองค์ ส่วนมากแล้วจะเสด็จเพียงพระองค์เดียว ในขณะที่ สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก จะเสด็จพระราชดำเนินด้วยก็ต่อเมื่อเป็นหมายกำหนดการที่สำนักพระราชวังเดนมาร์กจัดทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเท่านั้น ในขณะที่พระองค์จะทรงเป็นส่วนพระองค์เสียมากกว่าพระมเหสี
พระอาการประชวร
[แก้]สำนักพระราชวังของเดนมาร์กได้แถลงการณ์เรื่อง เจ้าชายเฮนริก พระราชสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 เสด็จพระราชดำเนินไปประทับรักษาพระอาการประชวร ณ โรงพยาบาลรีย์ส มหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน โดยคณะแพทย์ได้รายงานว่า ทรงมีการตอบสนองลดลง อีกทั้งมีการเปลี่ยนแปลงทางพระราชจริยาวัตร (พฤติกรรม) ด้านการตัดสินพระราชหฤทัย และพระราชปฏิสัมพันธ์กับบุคคลรอบพระองค์ คณะแพทย์จึงได้ว่า ทรงประชวรด้วยโรคพระสมองเสื่อม จึงได้กราบบังคมทูลเชิญให้งดพระราชกรณียกิจลง อีกทั้งจะมีการพิจารณาการดำเนินงานขององค์กรต่าง ๆ ในพระราชูปถัมภ์
สิ้นพระชนม์
[แก้]สำนักพระราชวังของเดนมาร์ก ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่า เจ้าชายเฮนริกสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 เวลา 23.18 น. ณ พระราชวังเฟรเดนส์โบร์ก เมืองเฟรเดนส์โบร์ก สิริพระชันษา 83 ปี โดยก่อนหน้านี้สำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์ว่าทรงมีพระราชประสงค์ไม่ฝังพระบรมศพกับพระมเหสีซึ่งเกิดจากความน้อยพระทัยที่ไม่ได้รับการถวายพระเกียรติที่เหมาะสม และมีพระราชประสงค์ให้จัดงานส่วนพระองค์ซึ่งในงานนั้นไม่มีพระอาคันตุกะจากต่างประเทศเดินทางร่วมงานเลย
พระอิสริยยศ
[แก้]- 11 มิถุนายน ค.ศ. 1934 - 10 มิถุนายน ค.ศ. 1967: เคานต์อองรี เดอ ลาบอร์ด เดอ มงเปอซา
- 10 มิถุนายน ค.ศ. 1967 - 14 มกราคม ค.ศ. 1972: เจ้าชายเฮนริกแห่งเดนมาร์ก
- 14 มกราคม ค.ศ. 1972 - 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018: เจ้าชายพระราชสวามี
อ้างอิง
[แก้]- Biography of HRH The Prince Consort เก็บถาวร 2010-11-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Official website of the Danish Monarchy
- Royal House of Denmark and Royal House of Iceland
- The Ancestry of Henri de Laborde de Monpezat
ก่อนหน้า | เจ้าชายเฮนริกแห่งเดนมาร์ก พระราชสวามี | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
เจ้าหญิงอิงกริดแห่งสวีเดน สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก |
เจ้าชายพระราชสวามีแห่งเดนมาร์ก (14 มกราคม ค.ศ. 1972 - 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018) |
สมเด็จพระราชินีแมรีแห่งเดนมาร์ก |